มิดฟิลด์ทีมชาติอังกฤษ ผ่านช่วงครึ่งปีแรกในถิ่น ซานติอาโก้ เบอร์นาเบว พร้อมกับคว้าแชมป์รายการแรกอย่าง ซูเปร์โกปา เด เอสปันญ่า ในช่วงกลางเดือนที่ผ่านมา

ซึ่งถึงแม้จะไม่ใช่เครื่องจักรผลิตประตูเหมือนในช่วงต้นฤดูกาลกับทีม หลังย้ายมาจาก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา แต่ว่า เบลลิ่งแฮม ก็ยังคงเป็นชื่อแรก ๆ ในทีมของนายใหญ่ชาวอิตาเลี่ยน และการปรากฎตัวของเขาในตำแหน่งกองกลางตัวรุกยังคงมีส่วนรับผิดชอบในการขึ้นเกมส่วนใหญ่ของทัพ ‘ราชันชุดขาว’

ด้วยวัยเพียง 20 ปี นั่นหมายความว่า อดีตสตาร์ ‘เสือเหลือง’ สามารถสวมตราสโมสร เรอัล มาดริด ไปอย่างน้อยจนถึงทศวรรษหน้า เมื่อรวมถึงแข้งอายุน้อยอย่าง เอดูอาร์โด้ คามาวิงก้า, วินิซิอุส จูเนียร์, โรดรีโก้ โกเอส และ โอเรเลียง ชูอาเมนี่ มันพอที่จะบอกได้ว่าอนาคตของทัพ ‘โลส บลังโกส’ อยู่ในสถานการณ์ที่พร้อมคว้าความสำเร็จต่อเนื่อง

โดยเจ้าตัวได้กล่าวถึงช่วงเวลาของเขาคว้าแชมป์รายการแรกในฐานะมาดริดิสต้า หลังเกมชนะ บาร์เซโลน่า 4-1 ในนัดชิงชนะเลิศรายการ ซูเปร์โกปา เด เอสปันญ่า ว่า “มันเป็นวันที่น่าจดจำ หนึ่งในวันดีที่สุดในชีวิตของผม เป็นที่รู้กันว่า เรอัล มาดริด เป็นสโมสรใหญ่ที่สุดในโลก แต่เมื่อคุณได้สัมผัสมันอย่างใกล้ชิด คุณจะพบกับสิ่งที่น่าอัศจรรย์”

จากนั้นอดีตดาวรุ่ง เบอร์มิ่งแฮม ยังพูดถึงภาพถ่ายเกี่ยวกับการเฉลิมฉลองของเขาในสนาม ซึ่งเจ้าตัวยอมรับว่า “ผมเห็นรูปนี้ที่ ซานติอาโก้ เบร์นาเบว มันทำให้ผมรู้สึกภูมิใจมาก หนึ่งในภาพถ่ายที่ผมชอบ ทั้งทีมอยู่ที่นั่นและมันแสดงให้เห็นถึงด้านที่สร้างสรรค์ที่สุดของผม ผมมีสำเนารูปภาพนี้ ซึ่งจะเก็บไว้ตลอดไป”

ใครจะไปรู้ว่า เบลลิ่งแฮม จะก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักให้กับ เรอัล มาดริด และทีมชาติอังกฤษ ได้รวดเร็วขนาดนี้ ซึ่งผมก็ยอมรับตามตรงว่า ชายผู้นี้จะอาจพาทัพ ‘สิงโตคำราม’ คว้าโทรฟี่ที่พวกเขารอคอยก็เป็นได้


เขียนโดย The Lite Team.